รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
Interviewer, Sheree: เวลาของเรากำลังจะหมดแล้วค่ะ ขอให้ท่าน มอบคำพูดแห่งปัญญาแก่เรา สักสองสามคำ ฉันรู้ว่าหลาย ๆ คน อาจไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า เราได้พูดคุยกันอะไรไป ในช่วงไม่กี่นาทีที่ผ่านมา และคนอื่น ๆ ก็ทราบดี (ใช่) ว่าเรากำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน ฝากความคิด ที่สร้างแรงบันดาลใจบางอย่างไว้ ให้เราสักหน่อยได้ไหมคะ? อาจให้กับ ผู้คนทั้งสองประเภทค่ะ (เข้าใจค่ะ) คนที่อยู่บนเส้นทาง และคนที่ถามว่า "เส้นทางไหน"Master: ไม่มีเส้นทางหรอก เพราะคุณเป็นเหมือนพระเจ้าอยู่แล้ว เพียงแค่คุณลืมว่า คุณเป็นอะไร เพราะคุณยุ่งเกินไปกับเงิน กับตำแหน่ง กับชื่อเสียง กับภาพลวงตาทุกประเภท แต่เมื่อคุณสงบลง และมองดูภายในตัวเอง และเมื่อคุณสามารถละทิ้งสิ่งเหล่านี้ ทั้งหมดไปชั่วขณะ โดยไม่ทิ้งมันไป คุณก็สามารถไล่ตามสิ่งเหล่านี้ ไปพร้อม ๆ กันได้ แต่คุณต้องรู้ว่า นี่ไม่ใช่ทั้งหมดในชีวิต และมองดูภายในตัวคุณเอง หลับตา อธิษฐานอย่างลึกซึ้ง หรือคิดถึงพระเจ้า หรือคิดถึงใครก็ตามที่คุณเชื่อ หรือเชื่อในตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของคุณ และใช้เวลาเงียบ ๆ สักครู่ เพื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น แล้วคุณก็จะมองเห็น ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน แล้วคุณจะรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย ที่ฉันไม่จำเป็นต้องอธิบายให้คุณฟัง วิธีที่เร็วที่สุด วิธีที่ดีที่สุด และสะดวกที่สุด แล้วถ้าคุณอยากรู้อย่างลึกซึ้งกว่านี้ และคุณไม่แน่ใจนัก คุณสามารถไปหาอาจารย์ ที่คุณไว้วางใจ และศึกษาเพิ่มเติม (ยอดเยี่ยมค่ะ) หรือมาหา [อนุตราจารย์]อาจารย์ชิงไห่ ก็ได้Interviewer, Sheree: แน่นอนค่ะ เราหมดเวลาแล้วอย่างน่าเสียดาย [ท่านอนุตราจารย์] อาจารย์ชิงไห่ เป็นแขกของฉัน ท่านเพิ่งไปฮูสตันมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ โปรดโทรหาเราในครั้งหน้า ที่ท่านอยู่ในเมืองนะคะ และเราจะทำอย่างนี้อีกค่ะMaster: โอเค เราจะจัดการบรรยาย ในโอกาสอื่น ๆ (ขอบพระคุณค่ะ) ขอบคุณอย่างมาก (ขอบคุณครับ ขอบพระคุณครับ)Q: ท่านยังมีธรรมสาร ที่เผยแพร่ ไปทั่วโลกอีกด้วย ท่านจะให้โอกาส สนทนา และถามคำถามท่าน ท่านจะอยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง หากคุณสนใจ และท่านจะมีการประทับจิต ในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ด้วย หากคุณสนใจนะครับ […]ในช่วงครึ่งหลัง เราจะนำเสนอ ช่วงเปิดการสัมภาษณ์ ที่มีความหมายเกี่ยวกับการรู้แจ้ง กับท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ (วีแกน) ดำเนินรายการโดย เอลมา บาร์เรรา จากสถานีโทรทัศน์เอบีซี 13 ฮูสตัน เมื่อได้พบท่านอาจารย์ เอลมาแสดงความกระตือรือร้น อย่างจริงใจที่จะรับการประทับจิตInterviewer, Elma: แต่ฉันได้ยินเกี่ยวกับท่าน ฉันอ่านคำกล่าวของท่านบทหนึ่ง (ค่ะ) ที่ท่านเคยกล่าวไว้ และมันดีมาก และสองวันต่อมา พวกเขาก็บอกว่า ท่านจะให้สัมภาษณ์Master: นั่นก็ดีแล้ว (ไม่น่าเชื่อเลย ใช่ไหม?) ใช่ค่ะ นั่นเป็นการจัดการของท่าน การจัดการของโยคานันทะ (โอเค มา)(มีเอกสารเกี่ยวกับท่าน ที่ว่าท่านให้การรู้แจ้ง ทางจิตวิญญาณ) ใช่ (บอกฉันทีนะคะว่า “การรู้แจ้ง ทางจิตวิญญาณ” คืออะไร และเราจะบรรลุมันได้อย่างไร) ได้ค่ะ การรู้แจ้งคือ เมื่อคุณรู้จักตัวเอง เช่น เมื่อคุณรู้จักพระเจ้า ผู้คนเพียงพูดถึงพระเจ้า แต่พวกเขาไม่รู้ว่าพระเจ้าคืออะไร ดังนั้นหน้าที่ของเราคือ แสดงพระเจ้าให้พวกเขาเห็นทันที ดังนั้นพระเจ้าอาจอยู่ในรูปแบบ ใดก็ได้ แต่สิ่งที่คงอยู่มาก ที่สุดคือแสง (แห่งสวรรค์ภายใน) ความส่องสว่าง การปลุกเร้า แสง (แห่งสวรรค์ภายใน) ที่มากกว่าพระอาทิตย์ มากกว่าแสงแดด และยังมี ทำนองดนตรี (แห่งสวรรค์ภายใน) ทุกประเภทที่สอนคุณ โดยไม่ต้องใช้ภาษา โอเคมั้ย? ดังนั้นเมื่อคุณได้สองสิ่งนี้แล้ว คุณก็รู้แจ้งInterviewer, Elma: เมื่อผู้คนเริ่มค้นหาการรู้แจ้ง พวกเขากำลัง ค้นหาอะไรกันแน่ เขาไปไหนกัน มีใครที่เกี่ยวข้องทางกายภาพมั้ยคะ เพราะทุกวันนี้ มีคริสตจักรนับล้านแห่ง ในสหรัฐอเมริกา (และวัดต่าง ๆ) และพวกเขามี กระจายอยู่ทั่วโลก (ใช่) ดังนั้นทุกคนที่เชื่อในพระเจ้า ไปโบสถ์ หรือไม่ไปโบสถ์ มันคือการคิดถึงพระเจ้า (ใช่) อะไรคือขั้นตอน ที่พาคุณไปไกลกว่า "ไปโบสถ์วันอาทิตย์กันเถอะ ในคืนวันเสาร์ ฉันจะอยู่กับภรรยา (ใช่) แล้วเช้าวันอาทิตย์ ฉันก็จะไปโบสถ์” (ใช่) เส้นแบ่งอยู่ที่ไหน? ฉันหมายความว่า คนจะก้าวไปอีกขั้นได้อย่างไร?Master: โอเค เราจะพูดคุยกัน ในระดับบุคคลได้ไหม? (ได้ค่ะ) เพราะคำถามของคุณอาจ เป็นคำถามของหลาย ๆ คน เช่นกัน แต่เราต้องมี หลักฐานที่หนักแน่นบางอย่าง เช่น คุณรู้จัก อาจารย์โยคานันทะ โอเค งั้นเรามาเริ่มกันจากตรงนั้นเลย ดังนั้นผู้คนจึง มีจุดเริ่มต้น ที่มั่นคง แล้วความแตกต่างระหว่าง อาจารย์ อย่างโยคานันทะ กับอาจารย์อื่น ๆ คืออะไร? โอเค ตอนนี้ ท่านสอนอะไร? ตอนนี้เราก็สามารถพูดได้ว่า "ทุกคนรู้จักพระเจ้า ทุกคนไปโบสถ์ ไปวัด อะไรทำนองนั้น” และผู้คนมากมาย ก็พูดคล้าย ๆ กับท่านโยคานันทะ แต่ความแตกต่างระหว่างท่าน และคนอื่น ๆ คืออะไร ท่านมีบางสิ่งที่ไม่สามารถพูดได้ ด้วยคำพูด ซึ่งคุณไม่สามารถซื้อด้วยเงิน และคุณ ไม่สามารถอธิบายในภาษาได้ ท่านมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าซึ่งอยู่ ในตัวเราอยู่แล้ว และไม่เพียงแต่ ท่านสามารถติดต่อกับพระเจ้าได้ แต่ท่านสามารถมอบสิ่งนั้นให้กับคุณ ได้ด้วย ฉันก็ทำงานเดียวกัน ฉันสามารถติดต่อกับพระเจ้า และฉัน ช่วยให้ผู้คนติดต่อกับพระเจ้าได้(ท่านติดต่อกับพระเจ้าได้อย่างไร?) ยังไงเหรอ? มันไม่ใช่... (เราไม่ได้ให้สิ่งใดเลย แน่นอน แล้วบอกฉันทีนะคะว่าทำอย่างไร...) “คุณจะติดต่อกับพระเจ้า ได้อย่างไร?”Interviewer, Elma: ใช่ แล้วคุณซึ่งเป็นคนธรรมดา ๆ ที่รักพระเจ้าอย่างแท้จริง แต่ไม่เคยพบเจออาจารย์ (ค่ะ) ไม่เคยอ่าน หนังสือของท่านอาจารย์ (ค่ะ) คนนั้นจะเข้าถึงติดต่อพระเจ้าได้ไหม?Master: ได้ เขาทำได้เหมือนกัน แต่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เหตุผลแรก เพราะเขาคงยุ่งกับชีวิตทางโลก มากเกินไป แม้เขาจะรักพระเจ้า แต่เขาก็ลืมวิธี ที่จะจดจ่อกับเรื่องนั้น และเขาก็สูญเสียประเด็นนี้ไป ฉะนั้น หากเขามีอาจารย์ ก็จะดีกว่าสำหรับเขา เพราะอาจารย์จะบอกว่า “ใช่แล้ว เนื่องจากคุณรักพระเจ้า มากอยู่แล้ว นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำ ละทิ้งบางส่วนเหล่านี้ เหล่านั้น แล้วมุ่งความสนใจไปที่สิ่งนี้ แล้วคุณจะรู้จักพระเจ้าเร็วขึ้น” นั่นคือหน้าที่ของอาจารย์(แต่ที่ฉันอ่าน จากเหล่าอาจารย์ และโดยเฉพาะโยคะนันทะ บอกว่าคุณไม่จำเป็นต้อง ละทิ้งทรัพย์สมบัติ ของคุณออกไปเพื่อ...) ไม่ คุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น คุณไม่จำเป็นต้องละทิ้งมัน แค่ลืมมันไปสักพัก เช่น มีเวลาสำหรับทรัพย์สิน และการทำงาน และมีเวลาสำหรับพระเจ้า มิฉะนั้น คุณก็จะเสียเวลาเปล่า ๆ แม้ว่าคุณจะไม่แสวงหา ทรัพย์สินทางวัตถุ คุณก็เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ คุณไม่รู้ว่า จะติดต่อพระเจ้าได้อย่างไร แต่ถ้ามีอาจารย์อยู่ เขาจะทราบ เขาพูดว่า “ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว ตอนนี้ คุณได้ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลูก ๆ ของคุณหลับกันหมดแล้ว ตอนนี้คุณนั่งและคิด และทำสิ่งนี้ และแล้วคุณจะเห็นพระเจ้า” เป็นต้น(แสดงว่าอารยธรรมตะวันตก ก็ทำได้ดีจริง ๆ เพียงแต่เราไม่ได้ใส่ใจ มากนัก) ใช่ (ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำกัน ในทางตะวันออก) ถูกต้อง เข้าใจ (ตอนนี้มันมาถึงประเทศนี้แล้ว และมันก็ได้เห็นอะไรบางอย่าง นักเขียนชาวอเมริกันไม่กี่คน เริ่มเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้) ใช่ (แต่ตอนนี้มันกำลังมา เล่าให้ฉันฟังเกี่ยวกับการทำสมาธิ และเหตุใดบางคน จึงสนใจการทำสมาธิอย่างมาก การทำสมาธิมีอะไรบ้าง ที่ผู้คนควรใส่ใจ?)โอเค ที่จริงแล้ว เราทำสมาธิตลอดเวลา ไม่ว่าจะตะวันออกหรือตะวันตกก็ตาม แต่เราคิดถึง สิ่งที่ผิด เช่น เรานั่งสมาธิ เรื่องเงิน เรื่องปัญหา หรือเรื่องอื่น ๆ และเราก็จดจ่อ เมื่อเราจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อย่างลึกซึ้ง นั่นคือเวลาที่เราทำสมาธิ ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้า หรือปัญหาทางการเงินก็ตามดังนั้นตอนนี้ สิ่งที่ต้องทำ คือ แทนที่จะให้ความสนใจ กับสิ่งของทางวัตถุอยู่เสมอ บางครั้งเราต้องมีส่วนร่วม ของความจดจ่อนั้น หันเข้าภายในและค้นหาความยิ่งใหญ่ ในตัวเอง ซึ่งเราสามารถ แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ภายนอกได้ เพราะเรา ให้ความสำคัญ กับปัญหามากเกินไป จนลืมใส่ใจวิธีแก้ไข ที่อยู่ภายใน การรู้แจ้ง จะให้วิธีแก้ไขปัญหา ทั้งหมดแก่เรา ที่เรากำลังจดจ่ออยู่ พวกเขาก็แค่หันกลับมา เท่านั้นเอง(การรู้แจ้งคือการรู้จักพระเจ้า?) ใช่แล้ว การรู้จักพระเจ้า(ท่านนิยามการรู้แจ้ง ว่าอย่างไรเหรอคะ?) จริง ๆ แล้วการพูดถึงเรื่องการรู้แจ้ง ในภาษาของเราไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันเป็นเพียงแค่คุณรู้จักตัวเอง เมื่อคุณมีแสงสว่าง (แห่งสวรรค์ภายใน) “การรู้แจ้ง” หมายความถึง “แสงสว่าง” เห็นมั้ย? ดังนั้นเมื่อแสง (แห่งสวรรค์ภายใน) ส่องประกายในตัวคุณ ณ ขณะนั้น อย่างน้อยคุณก็พูดได้ว่า คุณรู้แจ้งแล้ว จากนั้นคุณต้องหล่อเลี้ยงการรู้แจ้งนี้ ต่อไป และทำให้มันยิ่งใหญ่มากขึ้น จนกว่าคุณจะรู้จัก การรู้แจ้งที่สมบูรณ์ และคุณก็กลายเป็นเหมือนอาจารย์ หรือคุณเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าPhoto Caption: โลกอาจจะเป็นสวนอีเดนได้ หากมนุษย์ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี