รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
แต่ก่อนนี้ฉันเดินทางไป ทั่วโลกและเทศนา ในประเทศนี้ ประเทศนั้น แต่หลังจากนั้นมีไม่กี่คนที่อยู่ เพื่อรับการประทับจิต คุณไม่สามารถเพียงแค่ฟังฉัน แล้วกลายเป็นพุทธะหรือ บรรลุการรู้แจ้งในตนเองได้ ไม่หรอก คุณต้องฝึกฝน เพราะเหตุนี้ หลังจากการบรรยาย ฉันจึงสอนผู้คนเสมอ ไม่ใช่แค่ด้วยคำพูด แต่ด้วยการถ่ายทอดพลังงาน โดยตรงของพระเจ้า คำสอนภายในโดยตรงของพระเจ้า ตอนฉันกำลังพูด แน่นอน มีพระพรมาจากพระเจ้าโดยตรง แต่เปอร์เซ็นต์จะน้อยกว่า ถ้าคุณได้รับการประทับจิต และเชื่อมต่อโดยตรง กับพลังงานจากพระเจ้า ผ่านการตัวฉัน แล้วคุณจะรู้แจ้งเร็วขึ้น มากขึ้น และมั่นใจใน การหลุดพ้นในชาติเดียวมากขึ้น เพราะเมื่อฉันให้การประทับจิต หรือมอบหมายและให้พลัง ชั่วคราวสำหรับการประทับจิตนั้น และหากคุณอยู่ที่นั่น คุณจะได้รับพลังที่แตกต่างออกไป และคุณจะได้รับการหลุดพ้น ในชาติเดียวไม่ใช่เรื่องการพูด เพราะตอนฉันให้ การประทับจิตที่แท้จริง ฉันไม่ได้ต้องอยู่ข้าง ๆ คุณด้วยซ้ำ ฉันสามารถส่งธรรมทูตกวนอิม และมอบพลังให้เขา พลังของการประทับจิต ไม่ ฉันจะอยู่ในเขา ในขณะนั้น เพราะศิษย์แต่ละคนมี พลังงานต่างกัน มีระดับต่างกัน มีความจริงใจต่างกัน ดังนั้นพวกเขาจะต้องได้รับการสอน ต่างกัน ภายใน ไม่ใช่ด้วยคำพูด แต่ในวิญญาณของคุณเท่านั้น เป็นคำสอนที่ลึกซึ้งที่สุด เป็นคำสอนที่แท้จริง ถ้าคุณสามารถซึมซับได้ถ้าคุณไม่จริงใจและแสร้ง เข้ามาขอการประทับจิต คุณก็จะถูกปฏิบัติ ว่าเป็นผู้ประทับจิตเช่นกัน แต่คุณจะไม่ได้อะไรมาก หรือคุณจะไม่ได้อะไรเลยในเวลานั้น และหากคุณจริงใจ และคุณขอหรืออธิษฐานอีกครั้ง เราก็อาจจะทำ และมอบให้คุณ เมื่อถึงเวลานั้น คุณก็จะได้รับมันในตอนนั้น มันไม่ใช่แบบว่า โอเค คุณแค่เข้ามา แล้วก็รับการประทับจิต แม้ว่าฉันอยากจะให้มันกับคุณ แต่กลับเป็นคุณเอง ที่รับมันไม่ได้ คุณสร้างกำแพงรอบตัวคุณ คุณปฏิเสธมันจากภายใน และเราไม่สามารถบังคับคุณได้การประทับจิต เป็นอย่างนั้น มันเป็นเรื่องภายใน จากตัวตนที่แท้จริง ที่สู่ตัวตนแท้จริงอีกตนหนึ่ง มันไม่ใช่แค่การพูดของฉันเท่านั้น เพราะว่าเมื่อทำพิธีประทับจิต การประทับจิตจริง ๆ เราไม่ได้พูด ตอนนั้นเรานั่งด้วยกันประมาณ ชั่วโมงหนึ่งหรือมากกว่านั้น แต่ก็ไม่ได้พูดกัน การพูดคุยจะต้องทำก่อนหน้านั้น โดยเป็นเพียงวิธีการ ว่าคุณควรนั่งอย่างไร ควรค้นหาจิตวิญญาณของ คุณที่ไหน และจะบรรลุ การหลุดพ้นได้อย่างไร จะบรรลุจิตสำนึกทางจิตวิญญาณ ที่สูงขึ้น สูงขึ้น และ สูงขึ้น ในทุก ๆ วัน มันก็เหมือนเมนู ฉะนั้น ก็เหมือนกับก่อนการประทับจิต ก่อนการประทับจิตที่แท้จริง ซึ่งมาจากภายใน ไม่เกี่ยวอะไร กับภายนอก ไม่ขยับตัว ไม่ขยับนิ้ว ไม่ทำอะไรเลย คุณเพียงแค่นั่งนิ่ง ๆ ไม่ว่าจะ บนพื้นที่มีเบาะ หรือบนเตียง หรือบนเก้าอี้ ความปลอดภัยและ ความสะดวกสบายเป็นสิ่งสำคัญ แต่คุณจะไม่ทำอะไรเลย อาจารย์ก็ ไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ใช่ทางกายภาพ ไม่ใช่สิ่งที่คุณมองเห็นได้ บางครั้งคุณก็สามารถมองเห็น ด้วยตาทางจิตวิญญาณของคุณ ว่าอาจารย์กำลังทำอะไรอยู่ เช่น รับกรรมของคุณไปในขณะนั้น และถูกลงโทษ หรือถูกทรมานเพราะกรรมของคุณ เป็นต้น มันขึ้นอยู่กับว่ากรรมของคุณ ใหญ่แค่ไหน และคุณจริงใจ แค่ไหน ว่าคุณจะไปถึง ระดับที่สูงกว่าได้ในช่วง การประทับจิต มีปัญญามากขึ้น มีปัญญาสูงขึ้นกว่า ที่คุณไม่มีความจริงใจแค่ไหนเหมือนกับสิ่งที่ฉันบอกคุณ เมื่อตอนประทับจิตหรือ หลังประทับจิตไม่นาน การพูดซ้ำบางสิ่งบางอย่าง นี่เหมือนเป็นสูตรเค้ก แต่ไม่ใช่เค้ก เค้กจะเสร็จเมื่อ คุณไม่ต้องอ่านสูตร อีกต่อไป หรือเมื่อคุณไม่ต้องสอน สูตรให้กับนักเรียน ของคุณอีกต่อไป เค้กเสร็จโดย ไม่ต้องพูดอะไรเลย มันแค่ไปในที่ที่ควรไป ขึ้นสวรรค์แล้ว กลายเป็นเค้ก ตอนนั้นคุณไม่ได้ทำอะไรเลย คุณไม่ต้องสัมผัส เค้กด้วยมืออีกต่อไป เค้กก็จะกลายเป็นเค้ก ดังนั้น สิ่งใดก็ตามที่เข้า มาหาคุณในช่วงเวลาของ การประทับจิตอย่างแท้จริงแต่เงียบ ๆ มันจะกลายเป็นสิ่งนั้น และจากนั้นคุณจะดำเนินต่อไป ทำต่อจนกระทั่งเค้กสุกและ คุณสามารถรับประทานได้ และคุณสามารถลิ้มรสได้ คุณคงทราบดีว่าสูตร ที่ว่า "นี่คือพายแอปเปิล" หมายถึงอะไร และคุณได้ลิ้มรสแอปเปิ้ล ที่ถูกทำเป็นพายแอปเปิ้ล คุณยังสามารถชิมอะไรก็ได้ ที่เกี่ยวข้องกับพายแอปเปิล และมันก็สมบูรณ์แบบรสชาติดี และเอร็ดอร่อยแต่ขณะที่ฉันกำลังอ่านสูตร ให้คุณฟัง คุณกลับไม่รู้สึกอะไรเลย คุณอาจแค่จดบันทึกปริมาณ น้ำตาล แป้ง แต่คุณกลับ รู้สึกว่าไม่มีรสแอปเปิล ไม่มีน้ำตาล ไม่มีแป้งเลย คุณต้องผสมมันกับนมวีแกน น้ำ น้ำตาล และเกลือ เล็กน้อยเพื่อให้ได้ รสชาติที่เข้มข้นยิ่งขึ้น จากนั้นหลังจากใช้เวลานาน และใช้ความพยายามพอสมควร ก็นำแป้งมาถูกับเนยวีแกน แล้วนวดมัน จากนั้นก็รอจนแป้งได้ที่ แล้วจึงคลึงให้เป็นแผ่น แล้วทำเป็นเค้ก แล้วอบต่อไปสักพักแล้วคุณก็สามารถ เพลิดเพลินไปกับผลลัพธ์ได้ดังนั้นหากฉันสอนคุณหรือ แม้แต่พูดผ่านทาง โทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ แน่นอน มันมีพระพร โดยตรงจาก สามพระองค์ แม้ปราศจากสามพระองค์ อาจารย์ก็ยังสามารถอวยพรใครก็ตาม ที่กำลังฟังท่านอยู่ได้ ไม่ว่าเขาหรือเธอ จะเชื่อในคำสอนของอาจารย์ หรือไม่ก็ตาม เขาหรือเธอก็ยังคงได้รับพระพร และเมล็ดพันธุ์บางอย่าง มันจะงอกงาม งอกเงย และมันจะกลายเป็น สิ่งที่มันควรจะเป็นมีข่าวดี ๆ มากมาย ที่ฉันอยากบอกให้คุณทราบ แต่คุณก็สามารถอ่าน ผลลัพธ์ของสันติภาพที่แท้จริง หรือสิ่งดี ๆ บางอย่าง ได้ในกระแสข่าวรายวัน หรือข่าวในข่าวเด่น หรือบางครั้ง ฉันบอกคุณ นอกเหนือจากนั้นก็ได้ แต่มีหลายสิ่งที่ ฉันไม่อาจบอกคุณได้ ฉันหวังว่าจะทำได้ เพราะมันสวยงามมาก น่าอัศจรรย์มากจนคุณ จะดีใจมากที่จะได้ยิน แต่ถึงอย่างนั้น พระเจ้าก็ไม่อนุญาต เสมอไป ยกตัวอย่าง เด็กอนุบาล แม้ว่าพวกเขาจะเข้าใจมัน แต่มันก็ เป็นเพียงเรื่องพื้นฐานบางอย่าง เช่น "โอเค ตอนนี้คุณพักผ่อนได้แล้ว ทีนี้ก็กินเค้ก (วีแกน) ได้แล้ว กินน้ำ กินนมบ้าง – นมวีแกน แน่นอน” แต่มันก็แค่นั้น หากคุณเล่าทฤษฎีของ ไอน์สไตน์ให้พวกเขาฟัง นั่นเป็นการเสียเวลา ทั้งของคุณและเวลาของเด็ก ๆ เพราะพวกเขา ไม่เข้าใจอะไรเลย หรือบางทีจิตวิญญาณของพวกเขา อาจเข้าใจบางอย่าง แต่ก็ไม่มีประโยชน์สำหรับพวกเขา ในเวลานั้น มันจะเป็นเพียงการพักตัว เหมือนกับ ที่คุณโยนเมล็ดพืชลงไปในพื้นที่ ทะเลทรายที่มีทราย และร้อนมาก มันจะไม่งอก เป็นอะไรทั้งนั้น แล้วทำไมต้องเสียเวลา และเสียเมล็ดพันธุ์ไป? ตอนนี้คุณเข้าใจแล้วฉันคิดว่าฉัน พูดนานมากแล้ว ตอนแรกฉันคิดว่าฉัน ไม่มีอะไรจะพูดมากนัก นอกจากรายงานดี ๆ บางอย่าง มาแบ่งปัน แต่แล้วก็มีเรื่องนั้น ออกมาสักพักหนึ่ง ในพระนามของพระเจ้า ในพระคุณแห่งสามพระองค์ ฉันขออวยพรให้ทุกคน โชคดีในด้านจิตวิญญาณ ฉันไม่จำเป็นต้องอวยพรให้ คุณมีความเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวย หรืออะไรทางกายใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะฉันรู้ ว่าถ้าคุณระลึกถึงพระเจ้า คุณต้องการพบพระเจ้า ถ้าคุณอยากกลับบ้านไปหาพระเจ้า ทุกสิ่งทุกอย่าง จะมาหาคุณเอง แท้จริงแล้ว ในคัมภีร์ไบเบิล กล่าวไว้ว่า “จงแสวงหา อาณาจักรของพระเจ้าก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติม สิ่งทั้งปวงให้แก่คุณ”สวรรค์ นิพพาน อาณาจักรของพระเจ้า ดินแดนพระพุทธเจ้า อาณาจักรพระพุทธเจ้า ล้วนชี้ไปในทางเดียวกัน ฉะนั้นอย่าโต้เถียงกันเลย ภิกษุทั้งหลาย ไม่ว่าจะ เป็นภิกษุพุทธหรือบาทหลวงคริสต์ ก็อย่าโต้เถียงกัน ว่าใครมีศาสนาที่ดีกว่ากัน มันไม่มีอะไรแบบนั้น มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น ที่ผู้คนเข้าใจ หรือไม่เข้าใจ หรือจากที่นี่ไปบนเส้นทางสู่ สวรรค์ พวกเขาไปถึง ระดับไหนแล้ว พวกเขา เดินไปได้ไกลแค่ไหน บนเส้นทางของตนแล้ว – ด้วยความมุ่งมั่น หรือพวกเขาก็แค่ หลับตลอดเวลาที่นี่ และที่นั่น พักผ่อน ตลอดเวลาบนถนน และไม่ได้ทำอะไรมากนัก คล้ายกับว่าถ้าคุณกำลังเดิน คุณชอบเดิน หรือชอบขี่จักรยาน ตลอดทางจากพื้นที่ชนบทของคุณ ไปจนถึงเมืองหลวงหรือ เมืองหลวงของประเทศอื่น หากคุณทำอย่างขยันขันแข็ง หรือแม้แต่อย่างสบาย ๆ แต่ต่อเนื่อง คุณก็จะไป ถึงจุดหมายที่ต้องการ แต่ถ้าคุณแค่พักผ่อนอยู่ ในโรงแรมทุกที่ตลอดเวลา นั่งเล่นที่ร้านกาแฟ ตลอดเวลา ไม่ปั่นจักรยาน ไม่เดิน ก็แสดงว่า คุณไปไม่ถึงไหนเลย คุณอยู่ในบริเวณใกล้เคียงเสมอคล้าย ๆ กัน ฉันหวังว่า คุณจะทำการค้นคว้าอย่าง ขยันขันแข็ง และอธิษฐาน ต่อพระเจ้า อธิษฐานต่อ อาจารย์ใด ๆ ก็ตามที่คุณเชื่อ เพื่อนำคุณไปสู่ครู อาจารย์ อาจารย์ท่านใดก็ตาม ผู้รู้ความจริง ผู้ทรงปัญญาอันแท้จริง ที่จะช่วยเหลือคุณ นั่นคือสิ่งเดียวที่คุณควรอธิษฐาน หากคุณต้องการพระเจ้าจริง ๆ “ขอโปรดนำข้าพเจ้าไปหาใครก็ตาม ที่รู้สัจธรรมและสามารถสอน สัจธรรมแก่ข้าพเจ้าได้” ไม่ใช่แค่สิ่งที่พวกเขาพูด แต่พวกเขายังต้องพิสูจน์ ให้คุณเห็นด้วย เพื่อที่ พวกเขาจะได้ให้การประทับจิต แก่คุณ และทันทีที่เข้าไปข้างใน คุณจะพบสัจธรรม ส่วนหนึ่งของสัจธรรม และ จากนั้นคุณจะพบมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกับการเดิน เดินทางต่อไป แล้วคุณจะไปถึงที่ ที่คุณต้องการขอให้โชคดี เราขอขอบพระคุณ สามพระองค์: พระเจ้า พระเยซูเจ้า และ Tim Qo Tu ที่ทรงนำคุณกลับบ้าน กลับไปหาพระเจ้า และเพลิดเพลิน ไปกับผาสุก ความสุข เกินกว่าสิ่งใด ๆ ที่คุณจะบรรยายได้ ด้วยภาษาโลกนี้ ขอบพระคุณ พระเจ้า ขอบพระคุณ พระเยซูเจ้า ขอบพระคุณเหล่าอาจารย์ นักบุญ ปราชญ์ พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ ในทั้งสิบทิศ ขอให้คุณทุกคน วิญญาณที่รักที่ถูกสร้างมา พบหนทาง กลับคืนสู่อาณาจักรของพระเจ้า เพื่อให้ตัวคุณเองหลุดพ้น เพื่อความสุข ผาสุกตลอดกาล และโปรดช่วยบรรเทา ความทุกข์ของพระเยซูคริสต์ ที่เกิดจากคุณ และเพื่อพระเจ้า จะได้มีความสุข ผาสุก สงบสุข ไม่ต้องทนทุกข์ เพราะคุณอีกต่อไป อาเมนPhoto Caption: ไม่แข็งแกร่งหรือ?! ช่วยกันเติบโตไปด้วยกัน!
